โหราเอก

ยินดีต้อนรับ กัลยาณมิตรทุกท่าน

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ฟังเสียงของโหราเอกได้ที่นี่ แต่งเองร้องเองทำดนตรีเอง

preview ผลงานหนังสือของกฤษณะพงศ์ กำลังเอก(โหราเอก)ปี 2008-2009

preview ผลงานหนังสือของกฤษณะพงศ์ กำลังเอก(โหราเอก)ปี 2008-2009 
และโปรดรอผลงานเล่มต่อไปในปี 2010

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ดูละครย้อนหลัง ละครชีวิตจริง 84000 ตอน เบิกบุญ


ละครชีวิตจริง 84000 ตอน เบิกบุญ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เวลา 18.00 น. -18.30 น.เป็นชีวิตจริงส่วนหนึ่งของ กฤษณะพงศ์ กำลังเอก ในนามปากกา โหราเอก ซึ่งมีผลงานกับการเขียนหนังสือแนว โหราภิวัฒน์ และปรัชญาความเชื่อ หลายเล่ม อาทิ 13 ศาสตร์ชีวิตลิขิตฟ้า , คัมภีร์เปลี่ยนดวงชะตา , เบิกบุญมาสร้างตัว , เสียดายอ่านแทบตายไม่ได้ทำ , ปลูกบุญให้ลูกดี และอีกหลายผลงานคุณภาพที่กำลังรอตีพิมพ์ใน ปี 2010

วันที่ 21 กันยายน 2552 ตอนที่ 1

http://www.youtube.com/watch?v=zW4hDQJ66C8&feature=player_embedded

วันที่ 21 กันยายน 2552 ตอนที่ 2

http://www.youtube.com/watch?v=DlVggBZpOQE&feature=player_embedded

วันที่ 22 กันยายน 2552 ตอนที่ 3

http://www.youtube.com/watch?v=Sgd1TJBC1RE&feature=player_embedded#at=90

วันที่ 22 กันยายน 2552 ตอนที่ 4
http://www.youtube.com/watch?v=5Z-tFnOtUO0&feature=player_embedded

วันที่ 23 กันยายน 2552 ตอนที่ 5

http://www.youtube.com/watch?v=_aWoUfcHsVY&feature=player_embedded

วันที่ 23 กันยายน 2552 ตอนที่ 6

http://www.youtube.com/watch?v=U9RVegOlfEw&feature=player_embedded

วันที่ 24 กันยายน 2552 ตอนที่ 7

http://www.youtube.com/watch?v=9aXiWcqqztM&feature=player_embedded

วันที่ 24 กันยาน 2552 ตอนที่ 8

http://www.youtube.com/watch?v=18DstDJihkE&feature=player_embedded

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ร่วมชื่นชมงานใต้แสงพระบารมี

ใต้แสงพระบารมี

ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปร่วมชมงานใต้แสงพระบารมี ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2552 รู้สึกมีความสุขและปลื้มปีติอย่างมาก ที่ประเทศไทยเราแม้มีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง การเมืองทำให้ประชานชนชาวไทยแบ่งออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย แต่ด้วยพระบารมีปกเกล้าของในหลวง สามารถทำให้ความคิดอันเป็นความแตกแยก กลับกลายรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ที่สุด เสื้อเหลืองเสื้อแดงเสื้อน้ำเงินกลับกลายเป็นเสื้อสีชมพูกันทั้งประเทศ เนื่องจากสีชมพูถือว่าเป็นสีประจำแห่งเทพยดานพเคราะห์ที่มีนามว่าพระอังคาร ซึ่งพระอังคารนี้ถือเป็นเทพประจำ อายุวัฒนสุขภาพ ของผู้ที่เกิดวันจันทร์ การใส่เสื้อชมพูเป็นการส่งเสริมอำนาจพระราชชะตาของในหลวงในด้านสุขภาพพระวรกายโดยตรง ถ้ามีโอกาสช่วงนี้ไปเดินชมงานใต้แสงพระบารมีที่บริเวณถนนราชดำเนิน ท้องสนามหลวง ก้อย่าลือมร่วมใส่เสื้อชมพูกันนะจ๊ะ

ตอนนี้ถือโอกาสเอาภาพบางส่วนมาฝากกัน ถ้าอยู่กรุงเทพฯก็ควรไปเดินชมงานร่วมแสดงความจงรักภักดี






วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี ในวโรกาส 5 ธันวาคม 2552

ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี
ในวโรกาส 5 ธันวาคม 2552
โดยการสวดมนต์ให้พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย


โพชฌงค์ปริตร

โพชฌังโค สติสังขาโต ธัมมานังวิจโย ตถา วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะตถาปเร สมาธุ เปกขโพชฌังคา สัตเตเต สัพพทัสสินา มุนินา สัมมทักขาตา ภาวิตา พหุลีกตา สังวัตตันติ อภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา เอเตนะั สัจจวัชเชน โสตถิ เต โหตุ สัพพทา
เอกัสมึ สมเย นาโถ โมคคัลลานัญจะกัสสปังคิลาเน ทุกขิเตทิสวา โพชฌังเค สัตตะเทสยิเต จะ ตัง อภินันทิตวา โรคา มุจจึสุ ตังขเณ เอเตนะสัจจวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพทา
เอกทา ธัมมราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะตัญเญวะ ภณาเปตวาน สาทรัง สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฎฐาสิ ฐานโส เอเตนะสัจจวัชเชนะโสถติ เต โหตุ สัพพทา
ปหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มเหสินัง มัคคาหตกิเลสา วะ ปัตตานุป ปัตติธัมมตังเอเตนะ สัจจวัชเชนะโสตถิ เต โหตุ สัพพทา


คำแปล


" โพชฌงค์เจ็ด ประการคือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพฌงค์วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสัมโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์เหล่านี้ อันพระมุนีเจ้าผู้เห็นธรรมทั้งสิ้น ตรัสไว้ชอบแล้ว อันบุคคลมาเจริญ ทำให้มาก ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อนิพพานและเพื่อความตรัสรู้ ด้วยความสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้าทอดพระเนตร พระโมคคัลานะและพระกัสสปะ เป็นไข้ถึงทุกขเวทนาแล้ว ทรงแสดงโพชฌงค์เจ็ดประการ ท่านทั้งสองก็เพลิดเพลินนั้น หายโรคในขณะนั้น ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ครั้งหนึ่ง แม้พระธรรมราชาอันความประชวรเบียดเบียนแล้ว รับสั่งให้พระจุนทเถระแสดงโพชฌงค์นั้นโ่ดยยินดี ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายประชวรไปโ่ดยฐานะ ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ก็อาพาธทั้งหลายนั้น อันพระมหาฤาษีทั้งสามองค์ละได้แล้ว ถึงความไม่บังเกิดเป็นธรรมดา ดุจกิเลสอันมรรคกำจัดแล้ว ด้วยความกล่าวสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ"

เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงประชวร ได้รับสั่งให้พระจุนทเถระเจริญพระพุทธมนต์ "โพชฌงค์ปริตร" ถวาย จนพระอาการดีขึ้นจวบเป็นปกติ ทำให้พระพุทธมนต์บทนี้เป็นบทสวดเพื่อระงับอาการอาพาธ ขจัดปัดเป่า โรคาภัยและทุกขเวทนาทั้งปวง ขณะนี้ประชาชนคนไทยต่างรู้ดีว่าบัดนี้ในหลวงทรงมีพระวรกายที่ยังไม่แข็งแรงนัก เพราะพระองค์ทรงงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อประชาชนคนไทย ร่วมกันสร้างพลังอันยิ่งใหญ่สวดมนต์บทดังกล่าวนี้แล้วส่งใจไปถึงในหลวงเรา อานุภาพพระพุทธคุณก็จะช่วยปกป้องดวงพระชาตา จากบรรดาโรคภัยไข้เจ็บ หายจากโรคาพยาธิในเร็ววัน หากมีเวลาน้อยก็ให้สวดกันเฉพาะคืนวันจันทร์ก็ได้ ถ้ามีเวลามากก็สวดทุกวัน เช้าค่ำได้ยิ่งดี

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ร่วมกันขออำนาจพระสยามเทวาธิราชคุ้มครองประเทศไทย


คาถาบูชาพระสยามเทวาธิราช สยามะเทวาธิราชา เทวาติเทวา มหิทธิกา เทยยรัฏฐัง อนุรักขันตุ อาโรคะเยเนะ สุเขนะ จะ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิภาคะยัง สุขัง พะลัง สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา สะตะวัสสา จะ อายุ จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เม คำแปล คาถาบูชาพระสยามเทวาธิราช พระสยามเทวาธิราช เป็นจอมเทวดา ยิ่งใญ่กว่าเทวดาทั้งหลาย ทรงมี มหิทธิฤทธิ์ ขอจงอภิบาลรักษาประเทศไทยโดยให้ปราศจากโรคาพาธ อุปะทวะอันตราย ความพินาศทั้ง หลาย ขอให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข โดยประการทั้งปวง ด้วยอำนาจสัจจะวาจาที่อ้างถึงพระสยามเทวาธิราชนี้ ขอจงประทานความสุขสวัสดี จงบังเกิดแก่ประเทศไทยด้วยประการทั้งปวง ด้วยอานุภาพพระสยามเทวาธิราชและเดชพระสยามเทวาธิราช ขอจงขจัดทุกข์ โรคภัย ความโศก ศัตรู อุปัทวะ และอันตรายมิใช่น้อย ให้พินาศไปโดยไม่เหลือ ขอชัยชนะความสำเร็จแห่งกิจการ ทรัพย์ ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง ศรี อายุ วรรณะ โภคสมบัติ ความเจริญ และยศ มีอายุยืนตลอดหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ความสำเร็จแห่งกิจก่รงานในความเป็นอยู่จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ ฯ คาถาบูชาพระสยามเทวาธิราช ผู้ที่สวดบูชาพระสยามเทวาธิราช เป็นประจำจะเป็นสิริมงคล แก่ตนเองและครอบครัว มีความร่มเย็นเป็นสุขเจริญในหน้าที่การงาน      ในปัจจุบันประเทศไทยได้มีความวุ่นวายในหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ หรือเรื่องปากท้องของพี่น้องชาวไทยเรา ไหนจะเป็นเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังมีปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศ ช่วงนี้ประชาชนคนไทยผู้ที่รักชาติคงมีความเป็นห่วงและมีความอึดอัดจากปัญหาต่างๆ ซึ่งทุกๆปัญหาคงไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความผิดพลาดที่คนไทยเรากันเองที่มีความสามัคคีน้อยเกินไป ปล่อยให้อุดมการณ์ทางการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าถูก อยู่เหนือความสามัคคีที่คนในประเทศไทยเคยมีมาแต่อดีตกาล ในอดีตกาลสมัยกรุงศรีอยุธยาเราเคยเสียท่าทางการเมืองต่อมิตรประเทศก็เพราะ การไร้ซึ่งสามัคคีของบรรดาอัครเสนาบดีทั้งหลายและเหล่าขุนนาง จึงทำให้เกิด การชักศึกเข้าบ้าน ปล่อยปละให้เกิดปัญหาภายในและนำบุคคลภายนอกเข้ามากดดันคนในชาติ เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจยิ่งของคนที่มองเห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเอง ทุกๆคนในชาติไม่ว่าจะเป็นคนดีคนชั่วหรือแม้แต่คนที่เป็นนักโทษหากเขาเป็นคนไทย เขาก็คือพี่น้องชาวไทยของเรา บรรพบุรุษของเราต่อสู้ศัตรูและรักษาดินแดนไทยไว้อย่ากล้าหาญอย่างยากลำบาก สถาบันพระมหากษัตริย์คือสิ่งสูงสุดที่รวบรวมความสามัคคีและความเป็นชาติไทย เฉกเช่นเมื่อครั้ง กษัตริย์ที่มีพระนามว่า พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระพุทธยอดฟ้ามหาราช พระปิยมหาราช และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบัน เราทุกคนควรรักษาและปกป้องสถาบันไว้ด้วยชีวิต ชาติไทยเราที่ผ่านมาเราเผชิญการรุกรานของบรรดาประเทศที่ล่าอาณานิคม โดยในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สยามประเทศโดนกดดันจากประเทศผู้ทรงอำนาจ แต่ก็เป็นที่น่าแปลกว่าทำไม เราถึงรักษาความเป็นเอกราชได้ตราบเท่าทุกวันนี้ ประการแรกอาจเป็นเพราะพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย เหล่าบรรดาขุนนางในอดีตที่ต่างจงรักภักดีและสามัคคีกัน และที่สำคัญเหมือนดังมีเทพยาดาเจ้าผู้คอยพิทักษ์รักษาประเทศสยามอยู่เรื่อยมา ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงทราบดีจึงโปรดให้สร้างรูปเคารพเทวดาพระองค์นี้ขึ้นโดยตั้งพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช พระสยามเทวาธิราช มีผู้ที่ทรงความรู้ได้กล่าวว่า วิมานของพระองค์อยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นที่ 3 ที่มีชื่อว่า ยามา พระองค์เปรียบได้ดังกษัตริย์แห่งสวรรค์ชั้น ยามา เป็นผู้ที่มีรัศมีงามสว่างไสวยิ่งกว่าเทพเจ้าพระองค์ใด ซึ่งมีกรรมแห่งการเป็นผู้รักษาดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ให้มีความร่มเย็นผาสุก ซึ่งประเทศไทยเราอยู่ในอาณาเขตปกป้องของพระองค์ผู้ทรงมหิทธานุภาพยิ่ง พระมหากษัตริย์ผู้เกิดในร่วมเศวตฉัตรเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการเป็นที่ยอมรับทั้งเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย กษัตริย์ผู้มีทศพิธราชธรรม เป็นผู้ได้รับการปกป้องจากองค์พระสยามเทวาธิราชอย่างชอบธรรม คนในชาติผู้ใดทำการดูหมิ่นคิดประทุษร้ายแม้การใดๆ ก็เท่ากับว่าเป็นการทำผิดต่อบัญชาแห่งเทพเจ้าทั้งหลายด้วยเช่นกัน ในสยามประเทศนี้พระผู้ทรงอำนาจยิ่งมีอยู่สามสิ่งด้วยกัน คือ 1. พระสยามเทวาธิราช 2. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3. สมเด็จพระสังฆราช ผู้ที่คิดทำลายหรือดูหมิ่นย่อมไม่ความสุขในสยามประเทศแห่งนี้ หลายคนไม่สามารถอยู่ในสยามประเทศได้ เนื่องจากขาดการเคารพนอบน้อมใน 3 สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการพลั้งเผลอโดยเจตนาหรือไม่ หากทำการพลาดพลั้งไปก็ควรที่จะรีบขอขมาและขอการงดโทษซึ่งล่วงเกินไปแล้ว หากทำได้แค่นี้ชีวิตก็เจริญอย่างผาสุขต่อไปตราบชั่วลูกหลาน

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การรับพระราหูด้วยตัวเองอย่างง่าย ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2552

การรับ-ส่งพระราหู

การรับพระราหู สำหรับผู้ที่อยู่ราศี ธนู หรือผู้ที่มีลัคนาอยู่ราศีธนู คนที่อยู่ราศีเมถุนก็ควรจะทำบุญเช่นกัน แม้แต่คนที่อยู่ราศีมังกรก็ควรจะทำบุญเพื่อส่งสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ปีนี้พระราหูย้ายจากราศีมังกรไปราศีธนูในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา 21 .41 น.

โดยให้ไปไหว้พระปางเลไลย์ ที่ไหนก็ได้และขอพรจากท่านให้ปราศจากภัยอันตรายจากดาวพระราหูย้าย หรือ ไปไหว้พระนอนที่วัดโพธิ์ก็ได้ ตอนไปไหว้ก็ให้เตรียมธูป 12 ดอก เทียน 12 ดอก ดอกไม้ 12 ดอก เงินทำบุญ 12 บาท (ดอกไม้ธูปเทียนไม่จำเป็นต้องเป็นสีดำ ใช้ดอกบัวก็จะดีมาก) จากนั้นก็บูชาคุณพระศรีรัตนตรัย ท่องคำบูชาดวงชะตาดังนี้

อิติปิโสภควา ข้าพเจ้า(บอกชื่อนามสกุล)………….จะถวายบังคมบรมเทพ พระราหูเทวาได้โปรดเสด็จมารักษาข้าพเจ้า……….ตลอดปี ต้องพระเคราะห์องค์นอก ต้องพระเคราะห์องค์ใน สารพัดเคราะห์ใดๆ อันตรายอย่าได้มี พระเคระห์ปี พระเคราะห์เดือน พระเคราะห์วัน สารพัดเคราะห์สิ้นทั้งนั้น อย่าได้มาต้อง จะคุ้มโทษโทษา และโทษาวิญาณบารมี พระคุณติ สัมปันโน อิติปิโสภควา ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ด้วยธูปเทียนบูชาตั้งจิตกายวาจาโดยสัจจะเคารพ ขอให้บังเกิดสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล ศุภผลสมบัติ สมบูรณ์ด้วย อิทธิฤทธิ สิริวัณณัง สัพเพ ชะนาจิตตัง ปิยังมะ สวัสดิลาภัง ภะวันตุเม นะมะพะธะ

เสร็จแล้วปักธูป และยกพานดอกไม้ถวาย แล้วกล่าวคาบูชาพระราหูดังนี้ นะโม 3 จบ

กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุ สุริยัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ.
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะ คาถาภิคีโตมะหิ โน เจ มุญเจยยะ สุริยันติ.
กินนุ สันตะระมาโน วะ ราหุ จันทัง ปะมุญจะสิ สังวิคคะรูโป อาคัมมะ กินนุ ภีโต วะ ติฏฐะสีติ.
สัตตะธา เม ผะเล มุทธา ชีวันโต นะ สุขัง ละเภ พุทธะ คาถาภิคีโตมะหิ โน เจ มุญเจยยะ จันทิมันติ.( ๑๒จบ)

หลังจากทำพิธีไหว้พระเสร็จก็ควรไปปล่อยปลา 12 ตัว และทำบุญทำทานพอสมควรแก่กำลังทรัพย์ของเรา กลับบ้านมาก็นั่งสมาธิถวายเทวดานพเคราะห์ โดยเฉพาะพระราหู และอุทิศต่อเจ้ากรรมนายเวร เคราะห์ร้ายทั้งหลายก็จะกลายเป็นเบา เคราะห์เบาก็จะเลือนหายไป

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คำอธิษฐาน การเปิดขุมทรัพย์มหาบารมี

อธิษฐานเปิดขุมทรัพย์มหาบารมี
ของ โหราเอก
ด้วยอำนาจของคุณพระศรีรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
สาวกผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย
ด้วยพระคุณของบิดามารดา ผู้มีพระคุณทั้งหลาย
รวมถึง คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ด้วยอำนาจของความดีที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแม้กระทั่งน้อยนิด และศีล
อันบริสุทธิ์ ขอเปิดออกซึ่งบารมีทั้ง 10 ประการ ในอดีตของข้าพเจ้า
อันมี ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี
ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี
อันว่าบารมีใดที่ยังไม่ครบยังไม่เต็มเปี่ยม ขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสกระทำ
ต่อในชาติปัจจุบันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าจะทำได้ และขออานุภาพ
แห่งบารมีที่ได้ทำมาแล้ว จงเป็นปัจจัยอุดหนุน ให้ช่วยขจัดปัดเป่า
อุปสรรคทั้งปวง ที่จะเป็นสิ่งขวางทางในการสร้างบารมีของข้าพเจ้า อัน
เป็นไปเพื่อการรู้แจ้งในธรรมและเข้าถึงนิพพานในที่สุด และเมื่อถึงที่สุด
แห่งบารมีแล้ว ข้าพเจ้าจะขอใช้ชีวิตเป็นสื่อนำทางและช่วยบอกต่อใน
บารมีธรรม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นจนชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กราบเรียนกัลยาณมิตรทุกท่าน

ช่วงนี้งานของโหราเอก ค่อนข้างที่จะยุ่งวุ่นวายมาก กับการสร้างผลงานหนังสือเล่มใหม่ ที่เชื่อว่าจะฉีกแนวจากการเขียนเดิมๆอย่างสิ้นเชิง ยังไงก็ขอให้รอติดตามว่าจะชื่อเรื่องอะไร แต่สำหรับท่านที่ส่งเมลมาเพื่อขอตรวจดวงชะตา โหราเอกยินดีที่จะตรวจดวงชะตาให้อย่างตั้งใจ แต่อาจจะช้าไปบ้างก็ขอให้กัลยาณมิตรทุกๆท่านรอคอยกันนิดหนึ่ง และการเขียนตอบเมลเรื่องเกี่ยวกับดวงชะตา อาจจะไม่ครอบคลุมประเด็น ไม่เหมือนกับการโทรศัพท์มาพูดคุยกัน ถ้าหากสิ่งที่ตอบไปยังคลุมเคลือหรือทำให้สงสัย ก็สามารถส่งเมลมาถามกันได้อีกเรื่อยๆ อาจจะมีข้อสงสัยว่าแล้วทำไมผมไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ไปเลยหละ เอาเป็นว่าขอสักนิดหนึ่งนะครับ เพราะผมอาจจะไม่มีเวลาทำอะไรเลยเพราะมีแต่คนโทรมา เพราะขนาดยังไม่เคยโพสลงในเวป ยังแทบไม่มีเวลาเลย แต่ถ้ากัลยาณมิตรท่านใดอยากพูดคุยด้วยและเดือดร้อนใจจริงๆ อยากปรึกษาและคิดว่าผมอาจจะสามารถช่วยได้ ก็ให้ขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวผ่านทางอีเมลนะครับ ยินดีพูดคุยกับทุกๆท่านเสมอ แต่อย่าลืมนะครับ ทุกครั้งที่ติดต่อผมหรือพูดคุยกัน ขอให้ทำความดีหนึ่งอย่างให้กับผมด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประเพณีลากพระ(ชักพระ) จังหวัดตรัง

ช่วงวันที่ 5 - 13 ตุลาคม นี้ ได้มาเที่ยวที่จังหวัดตรัง ได้มาเห็นประเพณีลากพระหรือที่เขาเรียกว่า ชักพระสำหรับผมผู้เป็นพุทธศาสนิกชนที่มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ก็ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ไว้ว่างๆเดี๋ยวจะเก็บรูปมาฝาก แต่คราวนี้เราเอาประวัติและสาระความเป็นมาของประเพณีดังกล่าวมาฝากกันก่อนดีกว่า

งานประเพณี "ลากพระ งานชักพระ หรืองานแห่พระ" เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นภาคใต้ ที่พุทธศาสนิกชนอนุรักษ์และสืบทอดมายาวนานแล้ว โดยเฉพาะจังหวัดตรังนั้น ในปีหนึ่งๆ จะจัดขึ้นถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งจะเป็นการลากพระบก นิยมจัดกันตามชุมชนตรังนา หรือบริเวณท้องทุ่งกว้างๆ ใกล้วัด เช่น วัดพระงาม วัดควนขัน และวัดทุ่งหินผุด ในเขตอำเภอเมืองตรังทั้งนี้ จะมีการตกแต่งเรือพระให้สวยงามเพื่อประกวดกัน แล้วชักลากจากหมู่บ้านหรือวัด ที่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน แล้วมาชุมนุมกันในท้องทุ่งในช่วงสาย หลังจากนั้นก็จะเข้าไปในวัดทำบุญกัน ส่วนช่วงบ่าย ชาวบ้านจะเล่นจับคู่วัดเพื่อแย่งพระกัน โดยวัดที่ชนะก็จะได้พระไป เมื่อถึงปีถัดไปก็จะจัดเรือพระนำมาชุมนุม และแย่งพระกันใหม่การชักพระเดือน 5 หรือลากพระบกในปัจจุบัน ที่ยังคงมีปฏิบัติสืบทอดกันอยู่ในทุกๆ ปี คือ ชุมชนวัดควนขัน แต่ไม่มีวัดอื่นๆ มาเข้าร่วมแย่งพระกันเหมือนสมัยก่อน มีเพียงการตกแต่งเรือพระให้สวยงาม แล้วชาวบ้านพร้อมใจกันชักลากเรือพระเข้าวัดอย่างสนุกสนานเท่านั้น สำหรับประเพณีลากพระครั้งที่ 2 ของจังหวัดตรัง จะจัดขึ้นหลังวันออกพรรษา 1 วัน หรือหลังวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งมีการเล่ากันเป็นเชิงพุทธตำนานว่า เนื่องจากวันนี้ จะเป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จกลับสู่มนุษย์โลกทางบันไดทิพย์ ดังนั้น พุทธศาสนิกชนจึงนำเอาพระพุทธรูปมาแห่แหนสมมติแทนพระพุทธองค์ จนสืบทอดมาเป็นประเพณีลากพระในท้องถิ่นทางภาคใต้สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับการลากพระ และไปเสียไม่ได้ก็คือ การทำต้ม หรือการนำข้าวเหนียวที่ผัดด้วยกะทิมาห่อด้วยใบพ้อ ซึ่งเป็นใบไม้ที่มีเฉพาะทางภาคใต้ จากนั้นจะทำเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วนึ่งให้สุก เพื่อเอามาใส่บาตร นำมาผูกรวมเป็นพวง พวงละ 3-5 ลูก เพื่อเอามาไว้ใส่บาตร ใช้ประดับเรือพระ หรือเป็นอาหารระหว่างการละเล่นในประเพณีลากพระ จนเป็นที่มาของคำโบราณที่พูดติดปากว่า "เข้าหน้าตอก ออกหน้าต้ม" ซึ่งมีความหมายคือ ในเวลาเข้าพรรษาชาวพุทธจะถวายตอก ส่วนในเวลาออกพรรษา ชาวพุทธจะถวายต้ม ทั้งนี้ จะมีการอาราธณาพระพุทธรูป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปปางเสด็จจากดาวดึงส์ หรือปางอุ้มบาตร ขึ้นมาประดิษฐานบนบุษบก หรือเรือพระ ที่แต่ละวัดก็จะหาช่างฝีมือที่มีความชำนาญ ช่วยกันตกแต่งให้สวยงาม เพื่อนำเข้าร่วมประกวดแข่งขัน นอกจากนั้น พุทธบริษัทในละแวกวัดที่จะช่วยกันทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ โดยบางวัดอาจใช้เวลาตกแต่งนานเป็นแรมเดือน และใช้งบประมาณนับหมื่นนับแสนบาทเลยทีเดียวปัจจุบันได้มีการดัดแปลงจากเรือ มาเป็นรถ หรือล้อเลื่อน เพื่อความสะดวกในการชักลากมาตามถนนหนทาง แล้วนิมนต์พระภิกษุในวัดนั้นๆ ขึ้นนั่งประจำเรือพระ จากนั้นก็จะมีการลากพระเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ชาวพุทธได้ออกมาร่วมกันทำบุญและถวายต้ม โดยจะมีพุทธศาสนิกชนและศิษย์วัดเดินตามมาด้วย พร้อมกับบรรเลงเครื่องดนตรีประโคมไปตลอดทาง มีทั้งทับโพน กลอง ฆ้อง โหม่ง ฉิ่ง และฉาบปี 2549 นี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ตรัง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง และสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองตรัง ได้มีให้การจัดงานประเพณีลากพระ และมหกรรมวัฒนธรรมสัมพันธ์ ครั้งที่ 6 ขึ้น ในช่วงระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นภาคใต้ทั้งนี้ นอกจากจะมีการประกวดแข่งขันเรือพระแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย รวมทั้งการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ที่สำคัญก็คือ การประกวดทางวัฒนธรรมพื้นบ้านของภาคใต้ เช่น การเล่านิทานพื้นบ้าน การแต่งโคลง กลอน การร้องเพลงกล่อมเด็ก การขับบทหนังตะลุง และการแสดงบนเวทีของนักเรียนโรงเรียนต่างๆนอกจากนั้น ยังเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้เดินทางมาเที่ยวชมเรือพระซึ่งเข้าร่วมการประกวด ที่มีจำนวน 40 ลำ ซึ่งได้นำมาจอดรวมกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรังหลังเก่า โดยจะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยแสง

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

ขอบพระคุณและขอนอบ น้อมเป็นอย่างสูงสำหรับผู้ชมรายการ 84000

ขอบพระคุณและขอนอบ น้อมเป็นอย่างสูงสำหรับผู้ชมรายการ 84000 ทาง สถานีททบ. 5 ที่ติดตามชมละครชีวิตจริงของ กฤษณะพงศ์ กำลังเอก ในเรื่องราวเกี่ยวกับการเบิกบุญ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และข้าพเจ้าเชื่อว่าสามารถทำได้จริง การเบิกบุญก็คือการอธิษฐานจิตน้อมนำความดีที่เราได้กระทำ และยึดเอาพระรัตนตรัยและความดีเป็นสรณะั คือยึดเป็นที่พึ่งได้ ความดีที่เราได้กระทำเป็นที่พึ่งอันดีมากกว่าเครื่องรางของขลังเสียอีก และการปฏิบัติสมถะและวิปัสนากรรมฐานเป็นทางสายเอก ที่สามารถทำให้ชีวิตคนเราประสบถึงความสุขที่แท้จริง หากคุณผู้ชมท่านใดอยากแลกเปลี่ยนประสบการณืหรืออยากพูดคุยให้สามารถติดต่อมา ได้ที่ horaake@gmail.com หรือเข้ามา post ไว้ที่บลอคนี้ในห้องร่วมวงสนทนา

ขอบพระคุณบริษัทกันตนา และทีมงานรายการ 84000 ทุกท่าน ที่ทำรายการดีๆเพื่อเป็นแง่คิดที่ดีสำหรับชนชาวพุทธในยุคปัจจุบัน และเป็นสื่อกลางที่ดีที่เป็นสิ่งเชื่อมต่อเหล่ากัลยาณมิตรของผม ให้นำมาสู่การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางธรรม ที่มีคุณค่ายิ่งนัก และขอกุศลกรรมทั้งปวงอันประกอบขึ้นจากความคิดดีๆของบริษัทจงช่วยให้บริษัทมี ความรุ่งเรือง ตราบเท่าธรรมจักรของพระพุทธเจ้าที่จะยังหมุนไปตราบ 5000 พระวัสสสา

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ยืนยันความนิยม เบิกบุญมาสร้างตัว ติดอันดับหนังสือธรรมะปี 2551

เปิด 20 อันดับหนังสือธรรมะขายดีปี 2551 ของร้านหนังสือชั้นนำ ในยุคที่คนในสังคมเริ่มโหยหาทางออกของชีวิต ระบุหนังสือของพระพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา หลวงพ่อจรัญ กลายเป็นสัญลักษณ์ทางธรรมที่ถูกยึดเป็นแบบอย่างมากที่สุด และแต่ละเล่มมีเนื้อหาสาระที่แตกต่างกันไปควรค่ากับการอ่าน และมอบเป็นของขวัญปีใหม่2552

ต้องยอมรับว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาหนังสือในแนวธรรมะกลายเป็นหนังสือ ขายดีที่สุดโดยเฉพาะหนังสือธรรมะแบบที่เราเรียกว่า "ธรรมะร่วมสมัย" ได้สร้างปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับวงการหนังสือ จนเกิดการตั้งคำถามว่า หนังสือธรรมะต้องข้ามผ่าน และไปได้ไกลกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงเนื้อหา และคุณค่าในตัวเอง

ในโอกาสปีใหม่ 2552 "ผู้จัดการรายสัปดาห์ 360 ํ" ได้รวบรวมหนังสือธรรมะไว้อ่านในช่วงปิดปีใหม่หรือมอบเป็นของขวัญให้กับ เพื่อนสนิท มิตรสหาย เป็นการเสริมสร้างมงคลชีวิตให้กับทุกคนในสังคมได้ตลอดไป

ประเวศ แดงดา บรรณาธิการสำนักพิมพ์ดอกหญ้า บอกกับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์ 360 ํ"ว่าวันนี้หลายสำนักพิมพ์เริ่มให้ความสำคัญกับหนังสือพุทธศาสนามากขึ้น เรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้พิมพ์เรื่องธรรมะทั้งหมด แต่พอจะเห็นได้ว่ามีหนังสือแนวนี้วางอยู่บนแผงหนังสือเยอะขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าคนอ่านเริ่มมองหาหนังสือที่หลุดพ้นไปจากเรื่องเครียดๆ ได้บ้าง

ส่วนสาเหตุ ที่ทำให้คนในสังคมหันมาสนใจหนังสือแนวนี้อาจเป็นเพราะผู้คนมีความวิตกกังวล ใจกับเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง และปัญหาปากท้อง จึงเริ่มหาที่พึ่งทางใจ เพื่อให้ตัวเองสบายใจมากขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้อ่านมีตั้งแต่เด็ก และเยาวชนไปจนถึงผู้ใหญ่ หนังสือธรรมะที่พิมพ์ออกมาจำหน่ายจึงมีหลากหลายประเภท คือ กลุ่มเด็กวัยรุ่นก็จะเป็นหนังสือนิทานเน้นรูปภาพประกอบ สีสันสวยงาม และราคาย่อมเยา กลุ่มผู้ใหญ่ก็จะเน้นไปในทางปฏิบัติธรรม บางคนบอกว่าเพิ่งเริ่มอ่านหนังสือธรรมะ เราก็แนะนำให้อ่านธรรมะพื้นฐานที่เข้าใจง่ายๆ อีกทั้งยังมีซีดีเพลงธรรมะแถมให้อีกด้วย

สำหรับในปี 2551 ที่ผ่านมาหนังสือธรรมะที่ติดอันดับขายดีของร้านหนังสือดอกหญ้าประกอบด้วย

1.วางชีวิตอย่างไรให้หัวใจเป็นสุข เขียนโดยพระมหาบุญนาน อกิญจโน หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงหลัก และวิธีการคลายทุกข์ให้เป็นสุข มองทุกข์แบบไหนให้เป็นธรรม มองทุกข์แบบไหนให้เป็นสุข นั่งเหนือกองทุกข์ให้มีความสุข ด้วยวิธีการรู้เท่า รู้ทัน รู้กัน รู้แก้ แม้รู้ว่าจะแย่แต่ก็แก้ได้ด้วยสติปัญญา ด้วยกำลังจิตที่ตั้งมั่น เผื่อทุกข์ที่ท่านมีจะบรรเทาเบาบางลงได้ ทั้งยังเป็นแกนกลางประสานกาย และใจให้มีความสุข และเป็นโล่ห์ป้องกันทุกข์ได้อย่างดี

2.บอกรักก่อนตายยังสายเกินไป ของพระมหาบุญนาน อกิญจโน ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้เล็งเห็นคนไทยในยุคแสงสีศิวิไล ทุกชีวิตดิ้นรน หาอาหารให้ปากท้อง เพื่อความอยู่รอดไปวัน ๆ และมีไม่น้อยหาเงินหาทองมาได้ก็แสวงหา ความสุขใส่ตัว จนลืมเรื่องใกล้ตัวเสียสิ้น บิดามารดาผู้เคย ฟูมฟัก ทะนุถนอม เลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ กลับถูกให้อยู่อย่างเดียวดายแต่เพียงลำพัง โอกาส พูดคุย ถามไถ่ทุกข์สุขอย่างอบอุ่นเหมือนในอดีต หดหายไปจากครอบครัวไทย บ้านตกอยู่ในสถานะไกลวัด ศีลธรรมกำลังเสื่อมถอย เด็กไม่ให้ความนับถือผู้ใหญ่ ลูกไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ศิษย์ไม่เคารพครูอาจารย์ ประเพณี วัฒนธรรมแบบไทย ๆ กำลังถูกทำลาย เนื่องจากสิ่งเร้าภายนอกเขาครอบงำ

3.ฉลาดทำใจ (ปกใหม่) โดยพระไพศาล วิสาโล ฉลาดทำใจเป็นหนังสือที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้รู้จักวิธีการจัดการใจของตัวเอง ยามทุกข์ก็ทุกข์อย่างมีสติ ยามสุขก็สุขโดยไม่ประมาท ในชีวิตคนเราต้องเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝันเสมอ ดังนั้นฉลาดทำใจจึงนำเสนอหลักปฏิบัติตามพุทธศาสนาอย่างง่ายๆ เพื่อดับทุกข์ เหมาะสำหรับคนทั่วไปสามารถทำได้ โดยได้ทำภาพประกอบน่ารักสวยงาม เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น

4.นอสตราดามุส และพุทธทำนายชี้วิกฤติฟ้าชะตาโลก โดยพระมหาบุญนาน อกิญจโน หนังสือที่จับประเด็นเกี่ยวกับการทำนายของพระพุทธเจ้า และนอสตราดามุส เปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังจะเกิดโดยใช้วิจารณญาณ ประกอบหลักคำสอนของพระศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตภายภาคหน้า เราท่านคงจะได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นแน่

5.วิธีสร้างสุขทุกวัน ผู้เขียน พุทธทาสภิกขุ หนังสือเล่มนี้อธิบายถึง ผู้มีจิตใจเต็มไปด้วยธรรมชาติ ผาสุก สวัสดี แจ่มใส สดชื่น อยู่ทุกทิพาราตรีกาล... ความเล่มชุดความสุข คัดสรร จากธรรมบรรยายของท่านอาจารย์พุทธทาสที่เกี่ยวกับความสุขในหลากหลายแง่มุมจาก หนังสือหลายเล่ม สอนให้รู้จักวิธีสร้างความสุขในกิจวัตรประจำวัน ในการประกอบอาชีพการงาน สุขขั้นพื้นฐานจนถึงสุขขั้นสูงสุดอย่างพระอรหันต์

สำหรับหนังสือของท่านพุทธทาสนี้ถือเป็นหนึ่งในหลายๆเล่มที่ขายดีอย่างต่อเนื่องตลาดหลายปีที่ผ่านมา

6.ธรรมะจากพระภูเขา (MONK IN THE MOUNTAIN) แต่งโดย พระอาจารย์ สุมโน ภิกขุ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้จะเป็นการตอบข้อสงสัยของคนหลายชาติหลายภาษา เกี่ยวกับปัญหาชีวิตทางโลก ซึ่งพวกเขาอยากรู้ว่าหลักการปฏิบัติสมาธิ จะช่วยแก้ปัญหาที่พวกเขาประสบในชีวิตประจำวันได้อย่างไร คำถามแต่ละข้อล้วนน่าสนใจ และเป็นสิ่งที่พวกเราได้พบเจอกันทุกวัน ซึ่งพระอาจารย์ สุมโน ภิกขุ ก็ได้ให้คำตอบด้วยปัญญาอันชาญฉลาดที่ท่านได้จากการปฏิบัติสมาธินั่นเอง

7. ธรรมะน่ารัก เขียนโดย ศรวัฒน์ ปริยัติเมธี ธรรมะน่ารักฉบับนี้เป็นหนังสือธรรมะที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถคลายเครียดได้ และยังเพิ่มพลังที่จะทำให้ผู้มีจิตใจเต็มไปด้วยความทุกข์ ความเศร้าหมอง ฯลฯ หากอ่านธรรมะน่ารัก...จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง สมองคลายเครียด สามารถดับทุกข์ได้ พร้อมคติเตือนใจกับนิทานธรรมะแสนสนุก

8.ปาฏิหาริย์ แรงบุญ แรงกรรมใครว่าไม่มีจริง เขียนโดย ศศิริยะ หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง จากชีวิตจริงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสพบเจอสิ่งเร้นลับ ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ มากมาย และเรื่องราวจากเด็กมีอภิญญา อายุ 13 ที่สามารถรู้เห็นเรื่องราวในอดีตชาติ อันเป็นต้นเหตุแห่งกรรม ที่บุคคลต่าง ๆ เคยสร้างไว้ และกำลังส่งผลกรรมความทุกข์ให้ในชาตินี้ และรู้วิธีขออโหสิกรรมที่ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนา ช่วยให้ผู้คนได้หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความทุกข์ เพื่อดำเนินชีวิตไปสู่เส้นทางสายพระนิพพานในที่สุด ซึ่งประสพผลสำเร็จอย่างงดงามมากมายในสาธารณะชน และหนังสือเล่มนี้ อาจทำให้ทุกท่าน ไม่สามารถหลงลืมความหมายของคำว่า "กฏแห่งกรรม"

9.หนังสือธรรมะชุดของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ซึ่งมีอยู่ร่วมร้อยเล่ม โดยผู้อ่านส่วนใหญ่จะเป็นศิษยานุศิษย์ และเป็นผู้เลื่อมใสในคำสอนของหลวงพ่อ โดยอันดับหนังสือขายดีของหลวงพ่อปัญญานั้นถือเป็นหนังสือเกรดเอที่ผู้อ่าน ส่วนใหญ่จะให้ความสนใจซื้อหามาอย่างต่อเนื่อง

10.หนังสือของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เสนอเรื่องราวหนังสือกฎแห่งกรรม ซึ่งจนถึงวันนี้มีจำนวนถึง 22 เล่ม นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่เขียนถึงการนั่งกรรมฐาน เพื่อแก้กรรมต่างๆ

"หนังสือของท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ และหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม นั้นถือเป็นหนังสือธรรมเกรดเอคือผู้ที่ให้ความสนใจอ่านนั้นจะต้องมีความรู้ เรื่องพระพุทธศาสนามากพอสมควรจึงจะสามารถต่อยอดได้โดยง่าย ซึ่งหนังสือของ 3 ท่าน ล้วนเป็นหนังสือที่ขายดีต่อเนื่องมาตลอดสามปี"ประเวศกล่าว

ขณะที่ร้านหนังสือนายอินทร์ ได้รวบรวมหนังสือธรรมะที่ขายดีติดอันดับน่าสนใจ และในรอบปี 2551 ไว้ดังนี้คือ

1.ก้อนไหนหนักกว่าหินก้อนนั้น เขียนโดยพระอาจารย์วิเชียร วชิรปัญโญ หนังสือเล่มนี้บรรยาธรรมโดยเปรียบเทียบหินก้อนหนึ่งกิโลกรัมอาจหนักกว่า หากว่าถือไว้นาน คำตอบก็คือ ไม่มีก้อนไหนหนัก หากรู้จักปล่อยวาง ทุกข์นั้นเป็นเพียงแค่เส้นผมบังภูเขา แก้ไขได้ง่ายดาย เพียงแค่เรียนรู้ และเข้าใจ

2.เข็นธรรมะขึ้นภูเขา เรียบเรียงโดยภาวนา แก้วแสงธรรม หนังสือเล่มนี้ เป็นปรากฏการณ์ธรรมะที่เรียกว่า ปุจฉา-วิสัชนา ระหว่างคนหนุ่มสองฝั่ง ฝั่งทางธรรม กับฝั่งทางโลก ด้วย 69 คำถาม จาก 20 หนุ่มนักคิดจากแวดวงต่างๆ ที่ต่างยิงคำถามเด็ดๆ งัดออกมาจากสมองซีกซ้าย หรือขุดเข็นความยากลำบากทางธรรมะจากก้นบึ้ง ราวกับจะทดสอบหรือลองภูมิท่านอย่างมิได้ตั้งใจ บางคำถามดุเดือดเลือดพล่าน บางคำถามเหมือนจะง่าย แต่คิดลึก บางคำถามแฝงอารมณ์ขันกึ่งขึ้งเครียด และบางคำถามเหมือนจะถาม แต่กลับขอแค่ความคิดเห็น ดังนั้น เมื่อจับเอาทุกคำถามมาตั้งวางอยู่ต่อหน้าท่านจึงน่าติดตาม

3.เบิกบุญมาสร้างตัว โดยโหราเอก หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนยุคใหม่ ที่มีความเชื่อใหม่ๆ ในเรื่องราวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ในโลก นั่นก็คือ บุญกุศลหรือคุณงามความดี ที่จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งสามารถนำพาชีวิตทุกคนที่ได้กระทำ ซึ่งบุญกุศลไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ ได้อย่างแน่นอน และยังบอกถึงเคล็ดลับการทำบุญต่างๆ ให้ได้บุญมากๆ รวมถึง การดึงบุญหรือเบิกบุญในอดีตอันไกลโพ้น หรือวิธีการยืมบุญบารมีในอนาคต มาช่วยเหลือให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ได้

4.เข็มทิศชีวิต II ตอนกฎแห่งเข็มทิศ โดย ฐิตินาถ ณ พัทลุง เป็นภาคต่อจาก "เข็มทิศชีวิต" ซึ่งบอกถึงผู้หญิงหัวใจแกร่งที่เคยมีมรดกเป็นหนี้ร้อยล้าน แต่เธอสามารถใช้ความเข้มแข็ง และสติ ผ่านพ้นปัญหานานาได้ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา เพื่อบอกให้คนไทยมีความหวัง มีกำลังใจลุกขึ้นมาสร้างชีวิตใหม่ ไม่ว่ากำลังเจอกับอะไรก็สามารถมีชีวิตที่ผ่องใสงดงาม...ไม่นานมานี้ ผู้หญิงคนนี้ร่ำไห้คนเดียวอีกครั้ง เธอบอกว่าเรื่องอะไรไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เธอได้ผ่าตัดลึกลงไปถึงหัวใจ เยียวยาจิตวิญญาณตัวเอง ได้เรียนรู้ใหม่ เป็นความรู้ที่เธอเอามาแบ่งปันในหนังสือเล่มนี้

5. LIFE BOX กล่องบุญ 4 Limited Edition โดย ภัทริน ซอโสตถิกุล หนังสือ LIFE BOX กล่องบุญ 4 ผลงานแนวธรรมะที่ต่อเนื่องของแป้ง ภัทริน ซอโสตถิกุล หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาแล้วจาก "กล่องบุญ 1" "กล่องบุญ 2" และ "Love Box : กล่องบุญ 3 สำหรับ LIFE BOX กล่องบุญ 4 เล่มนี้เป็นหนังสือธรรมะที่ว่าด้วยโลกธรรม หลายคนพยายามหาคำตอบ ว่าชีวิตคืออะไร ความสุขอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่ไหน "วงล้อโลกธรรม หรือวงล้อชีวิต" จะให้คำตอบแก่เราได้ ชีวิตถึงแม้จะเคยยาก เมื่อมาเข้าใจโลกธรรม มันก็จะไม่ยากอีกต่อไป

6.เที่ยวอิ่มบุญไหว้พระ ๙ วัด ใน ๑ วัน โดยว.วิเอง หนังสือเล่มนี้อัดแน่นด้วยข้อมูลพิเศษที่ช่วยให้คุณเที่ยวสนุกได้ในงบประมาณ และเวลาที่น้อยที่สุดอาทิ แผนที่ตั้งวัด ลำดับการไปที่จะทำให้เดินทางสั้นที่สุด ระยะเวลาโดยเฉลี่ยต่อวัด ภาพประกอบพิเศษ คาถาบูชา และ ชื่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่คุณจะหาที่ไหนไม่ได้

7. 38 วิธีพลิกชีวิต โดย ศรวัฒน์ ปริยัติเมธี หนังสือเล่มนี้แนะนำกลวิธี ใน "38 วิธีพลิกชีวิต" ปฏิบัติ เพื่อความสำเร็จในการดำเนินชีวิต เพราะเป็นวิธีการที่คงทนต่อการปฏิบัติ พิสูจน์ และแสดงผลที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงผ่านเลยมานับพันๆ ปีแล้ว
หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเลือกปฏิบัติ เพื่อให้เหมาะสมกับชีวิตในภาวะการณ์นั้นๆ ได้ และเหมาะสมกับทุกคนในสังคม

8. เส้นทางสู่ความพ้นทุกข์ โดยสุภีร์ ทุมทอง รวบรวมจากการถอดเทปคำบรรยายในการจัดปฏิบัติธรรม ที่วัดพระธาตุโกฏิแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 12-15 เมษายน 2550 ซึ่งผู้เขียนได้นำมาปรับปรุงตามที่เห็นสมควรตามเส้นทางสู่ความพ้นทุกข์ตาม แนวคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับสาธุชนที่สนใจในการปฏิบัติธรรม และผู้ที่กำลังแสวงหาแนวทางปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์พอสมควร

9.โยมเอ้ย ซิบอกให่ โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต หนังสือเล่มนี้ ถ่ายทอดธรรมเทศนาในแบบสร้างเสริมประสบการณ์การทำดี โดยเล่าผ่านตัวอย่างที่หลากหลาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เสมือนเป็นแบบเลียนการทำดีอย่างมีไอดอลนั่นเอง แต่ของแถมที่ขาดไม่ได้คืออารมณ์ขันเพราะแค่ชีวิตยิ้มได้ หัวเราะดัง ก็เท่ากับ "ตัดหมู่กิเลสมาร"ไปชั่วคราวแล้ว

10.ธรรมาพารวย โดย พิจิตรา บุษย์ปราชญ์ ความจริงแล้วธรรมะกับความร่ำรวยก็คือเรื่องเดียวกัน เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับใช้ให้เป็น เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อจุดประสงค์ของเรา เพราะธรรมทุกข้อในพระพุทธศาสนาล้วนเกิดขึ้นมา เพื่อต้องการให้เรานำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หากศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้งจะพบว่า ธรรมเหล่านี้มีความทันสมัยเกินยุคของพระองค์ท่านมาก และยังคงใช้ได้ดีในยุคปัจจุบัน ตลอดจนถึงอนาคตอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

สำหรับหนังสือธรรมะ 20 ปกที่ขายดีในร้านหนังสือชั้นนำนี้ทำให้เราได้รู้ว่าวันนี้หลายสำนักพิมพ์ให้ ความสำคัญกับหนังสือพุทธศาสนามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้พิมพ์เรื่องธรรมะทั้งหมดแต่พอจะเห็นได้ว่ามีหนังสือแนวนี้ วางอยู่บนแผงหนังสือเยอะขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าคนอ่านเริ่มมองหาหนังสือที่หลุดพ้นไปจากเรื่องเครียดๆ ได้บ้าง

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

พบกับละครชีวิตจริงของโหราเอก กฤษณะพงศ์ กำลังเอก

21-24 September 2009 พบกับ โหราเอก รายการ 84000 ทางช่อง 5 เวลา 18.00-18.30 น.

ชีวประวัติบางส่วน เรื่องจริงของโหราเอกที่คุณสามารถสัมผัสได้ในรูปของละคร พบกับเรื่องราวของตอน
เบิกบุญ มาสร้างตัว ต้นกำเนิดแรงบันดาลใจ ของการเขียนหนังสือเผยแพร่หลักธรรม
ซึ่งสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

when you belive เมื่อศรัทธาบังเกิด ปาฏิหารย์ต่างๆในโลก ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จงก้าวเดินไปสู่อนาคต ด้วยพลังแห่งศรัทธาที่เต็มเปี่ยม

When you belive

Many nights we pray with no proof anyone could here
In our hearts a hopeful song. We barely understood
Now we are not afraid. Although we know there’s much to fear
We were moving mountains long before we know we could

Chorus :
There can be miracles when you believe
Though hope is frail. It’s hard to kill
Who knows what miracles
You can achieve when you believe
Somehow you will. You will when you believe

In this time of fear
When prayer so often proves in vain,
hope seems like the summer birds too swiftly flown away
And now I’m standing here
My heart so full. I can’t explain
Seeking faith and speaking words
I never thought I’d say

[Chorus]

They don’t always happen when you ask
And it’s easy to give in to your fear
But when you’re blinded by your pain
Can’t see your way safe through the rain
Thought of a still resilient voice
Says love is very near

[Chorus]

เพลงนี้ฟังทีไรผมก็ยิ่งรู้สึกว่า มีสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังและเคียงข้างเราเสมอ หากเรามีศรัทธาที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงในศรัทธานั้น ย่อมทำให้เราพบสิ่งอันมหัศจรรย์ในชีวิต ถ้าหากมีโอกาสผมคงได้เขียนหนังสือในเรื่อง ที่เกี่ยวกับพลังอันยิ่งใหญ่ของคำว่าศรัทธาและความเชื่อ เผื่อที่จะเป็นประโยชน์ในยามที่ผู้คนปราศจากศรัทธา ทั้งในตนเองและสิ่งต่างๆที่เขาในอดีตต่างเคยศรัทธา

แม้ไม่ใช่ชาวคริสต์แต่ทุกครั้งที่ดูหนังเรื่อง The Prince of Egypt ผมเองก็มีศรัทธาบางอย่างที่ประหลาดใจมาก ซาบซึ้งในพลังแห่งความเชื่อ คิดถึงตอนโมเสสนำชาวอิสราเอลผู้ถูกชนอียิปต์ กดขี่มานาน ข้ามทะเลแดงโดยใช้ไม้เท้าแหวกทะเลเดินข้ามไป ซึ่งแม้แต่เหล่าทหารกล้าจากมหาอาณาจักรแห่งอียิปต์ก็ไม่สามารถติดตามต่อไปได้

ทุกๆศาสนาและนักปรัชญาเอกของโลกไม่มีใครเลยสักคนที่ปฏิเสธพลังแห่งความเชื่อ ว่าแรงมหาศรัทธาสามารถเปลี่ยนชะตาโลกได้หรือสามารถเปลี่ยนแม้ชะตาของชีวิตเราได้ สำหรับพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาต่อความจริงขอท่านทั้งหลายจงศรัทธาต่อพระรัตนตรัยเถิด แล้วท่านจะได้รับรู้พลังอันยิ่งใหญ่ของศรัทธาเอง

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

http://horaakebook.wordpress.com/

เป็นblog สำหรับตอบคำถามเรื่องหนังสือต่างๆของโหราเอก และมีหนังสือแนะนำหลายเล่มที่น่าอ่านเชิญเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่านเข้าเยี่ยมแวะชมได้

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทำนายดวงชะตาให้กับกัลยาณมิตรแลกกับความดีหนึ่งอย่าง โดย โหราเอก


ทำนายดวงชะตาให้กับเหล่ากัลยาณมิตรของโหราเอก อย่างไม่คิดค่าใช้จ่าย แลกกับการทำความดีหนึ่งอย่าง โดยสามารถส่งรายละเอียดมี วันเดือน ปีเกิด เวลาเกิด สถานที่เกิด จังหวัดที่เกิด (ถ้าเป็นต่างประเทศขอรายละเอียด ประเทศ รัฐ เมือง ด้วย) โดยส่งมาได้ที่ horaake@gmail.com

การดูดวงให้เหล่ากัลยาณมิตรมีจุดมุ่งหมาย เพื่อส่งเสริมความดีให้มากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อตัวท่านเองและสังคมรอบข้าง ผู้ที่ปรารถนาดูดวงหรือปรึกษาเรื่องดวงชะตาแต่ละครั้ง ขอความกรุณาบอกความดีหนึ่งอย่างที่จะกระทำเพื่อเป็นการแลกกับการเปิดเผยชะตาชีวิตมาด้วย ซึ่งความดีนั้นจะเป็นสิ่งใดก็ได้ขอให้เป็นสิ่งที่ดีก็พอแล้ว

*คำเตือน แต่ถ้าผู้ใดเมื่อได้รับการทำนายชะตาชีวิตแล้ว กลับละเลยซึ่งสัญญาในการทำความดีที่จะนำมาแลกกับการเิปิดเผยชะตาชีวิตกับโหราเอก โปรดระวังผลเสียจะเกิดขึ้นต่อชีวิตต่อเจ้าของดวงเอง


หมายเหต ยินดีดูดวงชะตาให้กับทุกท่านแต่ถ้าตอบเมลกับไปช้าก็ขออภัยด้วย เพราะมีคนอยากรู้ชะตาชีวิตค่อนข้างมาก ขออนุญาตไม่รับดูดวงนอกสถานที่ และไม่รับค่าตอบแทนจากการดูดวงผ่านทางอีเมลล์ ถ้าหากอยากให้ค่าตอบแทนจริงๆ ขอเป็นการช่วยอุดหนุนหนังสือของบริษัทของโหราเอก หรือไม่ก็แค่การทำความดีต่อตนเอง ครอบครัว สังคมประเทศชาติ แค่นี้ก็มีค่ามากเกินพอแล้ว

รู้จัก (Horaake) กฤษณะพงศ์ กำลังเอก




ด้วยความนอบน้อม อย่างดุษณียภาพ ขอบพระคุณบรรดาเหล่ากัลยาณมิตร ที่เข้ามารู้จักกับ โหราเอก ซึ่งเป็นนามปากกาของ กฤษณะพงศ์ กำลังเอก มีคนเคยพูดกับข้าพเจ้าเสมอว่า ไม่มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นในโลก !ซึ่ง ข้าพเจ้าก็เห็นคล้อยตามกับเหตุผลดังกล่าวเช่นกัน ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกท่านที่ได้เข้ามาทำความรู้จักกันและอาจจะมีโอกาสทำความ ดีร่วมกันย่อมมีที่มาและการเชื่อมโยงมาจากอดีตทั้งสิ้น

อาจจะมีหลาย คนคุ้นเคยกับนามสกุล กำลังเอก ของข้าพเจ้าและมักถามถึงความสัมพันธ์ ระหว่างข้าพเจ้ากับท่าน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบกและทหารสูงสุด ซึ่งก็เข้าใจกันไม่ผิดหรอก ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งคนในตระกูลของท่านโดยมีศักดิ์เป็นหลานชาย เนื่องจากคุณพ่อของข้าพเจ้า (เลิศชัย กำลังเอก) เป็นน้องชายแท้ๆของท่าน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก

ชีวิตในวัยเด็กของข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยเหมือนกับ เด็กทั่วไปนัก เนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่ของข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันหย่าขาดจากกันตั้งแต่ ข้าพเจ้ายังเด็ก ดังนั้นชีวิตข้าพเจ้าจึงไม่ต่างจากเด็กคนหนึ่งที่ขาดซึ่งความรักความอบอุ่น ที่สมบูรณ์แบบจากบิดามารดา แต่บนท่ามกลางความเหน็บหนาวจากการขาดความรักนั้น ข้าพเจ้าก็ได้พบเส้นทางแห่งสัจจะ นั่นก็คือ การได้เข้ามาใกล้กับร่มโพธิ์ร่มไทรของพระพุทธศาสนา ข้าพเจ้าเริ่มสนใจหลักพระพุทธศาสนา โดยการเริ่มสวดมนต์ นั่งสมาธิมาตั้งแต่ในวัยเยาวน์ ความเหน็บหนาวทั้งปวงความอ้างว้างทั้งหลายก็ถูกขจัดเกือบหมดไปสิ้นด้วยแสง สว่างในธรรม

เมื่อผจญซึ่งฝันร้าย


ตอนเด็กคุณพ่อคุณแม่ได้นำมาฝากคุณยายคุณตาให้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอน แม้ว่าคุณตาคุณยายจะให้ความรักและความอบอุ่นดีขนาดไหนแต่ธรรมชาติที่ไขว่คว้าหาพ่อแม่ของตนเองก็เป็นสิ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกเหล่านี้ได้เลย ขณะนั้นข้าพเจ้ารู้สึกเหน็บหนาว และรู้สึกโดดเดี่ยว จนทำให้สุขภาพข้าพเจ้าไม่แข็งแรง อย่างที่เขาบอกว่าใจป่วยกายก็ป่วย จำได้ว่าทุกๆคืนของข้าพเจ้านั้นไม่เคยได้นอนหลับฝันดีเลยแม้แต่คืนเดียว ฝันถึงแต่ภูตผีปีศาจอยู่ตลอด เหมือนดั่งดวงวิญาณเหล่านั้นมาขัดขวางการมาเกิดในภพนี้ ข้าพเจ้าเองก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ตอนเกิดมาข้าพเจ้าเชื่อว่าเรามาจากที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่เชื่อข้าพเจ้าเชื่อว่าน่าจะเป็นที่ๆดีแน่นอน เนื่องจากจิตสำนึกได้บอกข้าพเจ้าเสมอมา

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งคนที่มีสัญลักษณ์เป็นปานแดงที่เป็นอักษรจีน อ่านออกเสียงได้ว่า ไช้ มาตั้งแต่ตอนเกิด ซึ่งคุณแม่ได้บันทึกไว้ ในทางนักวิจัยด้านการระลึกชาติ กล่าวว่าสัญลักษณ์ที่ติดตัวมาเรียกกันว่า birth mark บางคนเป็นปานในที่ต่างๆ แต่ของข้าพเจ้าเป็นตัวอักษรจีนที่เป็นปาน สามารถอ่านได้ว่าชื่ออะไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับคุณแม่ข้าพเจ้า แต่ไม่ว่้าจะอย่างไรก็ตามสิ่งที่ติดตัวมาและจิตใจที่คิดดีย่อมเพียงพอให้ข้าพเจ้าพอใจที่สุด แม้ว่าข้าพเจ้าจะดูมีปมด้อยและเหมือนโชคร้ายที่ครอบครัวไม่อบอุ่น แต่บนความโชคร้ายแต่ก็เป็นโชคดีที่ข้าพเจ้าได้เกิดมาสู่วงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียง แม้จะเป็นอดีตแต่ความดีที่บุคคลในวงศ์ตระกูลทำไว้ก็ยังมีคนจำได้อยู่เสมอ อันนี้ก้เหมือนเป็นชนกกรรมที่ดีของข้าพเจ้า

ธรรมโอสถ

จำได้ว่าในสมัยตอนเด็กมีโรคประจำตัวหลายอย่างรุมเร้า ทำให้แทบทุกคืนเกิดนิมิตร้าย นอนไม่เป็นสุขร่างกายอ่อนแอ  แต่ด้วยความใกล้ชิดกับวัดจึงได้เรียนรู้หลักการปฏิบัติธรรมมาพอสมควรจากพระที่มารับบาตรประจำที่บ้าน มีโอกาสได้ไปฝึกฝนการเป็นลูกศิษย์พระเดินถือปิ่นโตและทำสาธารณประโยชน์ในช่วงปิดเทอม  การปฏิบัติธรรมโดยการนั่งสมาธิอย่างง่ายๆมีอานิสงส์ให้การเรียนและสุขภาพร่างกายของข้าพเจ้าดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์  จากที่เคยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นประจำก็ห่างเว้นไปจนสุดท้ายก็หายขาดจากโรคต่างๆแม้กระทั่งนิมิตร้ายทั้งหลาย  ธรรมะและกรรมฐานจึงเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติอยู่ไม่ขาดหาย

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หนังสือ ปลูกบุญให้ลูกดี


เนื้อหาโดยสังเขป

หนังสือ ที่แนะนำการเริ่มต้นที่จะสร้างครอบครัว การเตรียมพร้อมในเรื่องที่จะมีลูก การเลี้ยงดูลูกรักในแนวความคิดใหม่ โดยเน้นการปลูกฝังคุณธรรมในใจลูกเป็นสำคัญ เพื่อให้ลูกรัก เติบโตมาอย่างเป็นบุคคลซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและความดีในหัวใจ แนะนำซึ่งกิจกรรมดีๆในพระพุทธศาสนาที่พ่อแม่สามารถชักจูงบุตรให้ประพฤติ ปฏิบัติเพื่อความเจริญ วิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของลูกด้วยหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
สารบัญ
บทที่ 1 ลูกรัก อิทธิพลแห่งการเปลี่ยนดวงชะตา
บทที่ 2 ผืนดินของความรัก
บทที่ 3 เติมพลังธาตุแห่งคุณธรรม
บทที่ 4 ความสำคัญของวันเวลา
บทที่ 5 เมื่อต้นบุญบังเกิด
บทที่ 6 กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมสำหรับเด็ก
บทที่ 7 ปกป้องต้นไม้แห่งบุญ
บทที่ 8 ยอมรับและเข้าใจในธรรม
บทที่ 9 ต้นบุญต้นต่อไป

หนังสือเสียดายอ่านแทบตายไม่ได้ทำ

มีเรื่องราวอีกมากมายที่มีคุณค่ากำลังรอให้คุณได้ลงมือกระทำอยู่ เรื่องดีๆ หลายเรื่องคุณอาจจะเคยรู้อยู่แล้วแต่ไม่เคยทำ เรื่องดีๆ หลายเรื่องที่คุณอาจจะไม่เคยเรียนรู้แต่อาศัยทำตามเขา ก็เหมือนคุณมีแสงสว่างโดยอาศัยแสงไฟตะเกียงของผู้อื่น ถ้าเขาไม่จุด คุณก็อยู่มืดๆ ไปเรื่อยๆ เรื่องดีๆ หลายเรื่องคุณอาจไม่ยอมเรียนรู้ที่จะทำ และไม่คิดที่จะทำ ก็เปรียบเหมือนคนตาบอด คือมืดสนิท ต่อให้มีแสงไฟจากผู้อื่นก็มองไม่เห็นแสงสว่างนั้น

เรื่องดีๆ หลายเรื่องคุณเรียนรู้คุณเข้าใจถ่องแท้แล้ว อีกทั้งได้ลงมือกระทำให้บังเกิดขึ้น ก็เปรียบเหมือนคุณมีตะเกียงและได้จุดตะเกียงนั้น ความสว่างย่อมเกิดขึ้นมาจากคุณเอง ไม่ต้องรอพึ่งแสงไฟจากใคร ทุกๆ คำตอบของการทำความดีและบุญกุศล ไม่ต้องรอพึ่งพาใคร เพราะแสงสว่างแห่งบุญกุศลและความดีอยู่ที่ตัวคุณทุกคน หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่รอให้คุณเปิดอ่านเท่านั้น แต่หนังสือเล่มนี้ยังต้องการให้คุณอ่านและลงมือกระทำจริง...เพราะจะน่า เสียดาย ถ้าอ่านแทบตาย ไม่ได้ทำ

สารบัญ
บทนำ
- เรื่องที่ 1 การสวดมนต์ไหว้พระ
- เรื่องที่ 2 การทำบุญ-ทำทาน แบบชาวพุทธ
- เรื่องที่ 3 การแสวงบุญ
- เรื่องที่ 4 ปูชนียบูชา
- เรื่องที่ 5 ปรมัตถทานบารมี
- เรื่องที่ 6 ความรักและเมตตา
- เรื่องที่ 7 เนกขัมมะ
- เรื่องที่ 8 การปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ภาวนา ฝึกกรรมฐาน
- เรื่องที่ 9 ธรรมทาน
- บทฝากท้าย ตัวอย่างบทอโหสิกรรม

บิกบุญมาสร้างตัว เบิกบุญมาสร้างตัว


รวม เคล็ดลับการทำบุญต่างๆ ให้ได้บุญมากๆ และที่สำคัญคือเคล็ดลับวิธีการดึงบุญหรือเบิกบุญในอดีตอันไกลโพ้น หรือวิธีการยืมบุญบารมีในอดีต มาช่วยเหลือให้ชีวิตเราประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ หากใครก็ตามที่ยังไม่มีเป้าหมายหรือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อการดำเนินชีวิต เพื่อสู้เป้าหมายที่ประสบความสำเร็จ หนังสือเล่มนี้จะเป็นคำตอบที่ดีให้กับคุณบนเส้นทางนั้น


สารบัญ

บทที่ 1 สร้างบุญเพื่อวันพรุ่งนี้
บทที่ 2 การทำบุญเพื่อมหากุศลที่ยิ่งใหญ่
บทที่ 3 กลไกการให้ผลของบุญ
บทที่ 4 ทำบุญให้ได้บุญ
บทที่ 5 ทำบุญไม่หวังผลแต่ได้ผล
บทที่ 6 ผลบุญกับดวงชะตา
บทที่ 7 วิธีการเบิกบุญในอดีตมาใช้
บทที่ 8 การขอยืมบุญบารมีในอนาคตมใช้
บทที่ 9 การเติมบุญ

คัมภีร์เปลี่ยนดวงชะตา คัมภีร์เปลี่ยนดวงชะตา เปลี่ยนดวงชะตา แก้กรรมเก่า ขจัดเคราะห์ร้าย ทำได้ด้วยตัวคุณเอง


หนังสือ ที่บอกถึงทฤษฎีแห่งการให้ผลของกรรม ความสัมพันธ์ระหว่างกฎแห่งกรรมกับดวงชะตา กรรมวิธีหรือพิธีกรรมโบราณที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนดวงชะตา แก้เคราะห์ร้ายต่างๆ หรือจะเป็นการฝึกอานาปานสติเพื่อค้นหาวิธีการแก้ไขเคราะห์กรรมทั้งปวง การสวดมนต์เพื่อเปลียนดวงชะตา กลยุทธิ์การต่อสู้กับเจ้ากรรมนายเวร และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบว่าจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตคุณได้อย่างไร ทั้งก่อให้เกิดความรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ และมีความสุข

สารบัญ
บทที่ 1 เมื่อกรรมคือต้นเหตุแห่งสรรพสิ่ง
บทที่ 2 การไขรหัสกรรม
บทที่ 3 เมื่อถึงเวลามีคราวเคราะห์
บทที่ 4 หลีกหนีกรรมและการเอาชนะโชคชะตาด้วยหลักการทางศาสนา
บทที่ 5 แก้กรรมเปลี่ยนชะตา
บทที่ 6 การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา
บทที่ 7 เปลี่ยนชะตาด้วยการออกบวช
บทที่ 8 หลากพิธีกรรมของการเปลี่ยนดวงชะตา
บทที่ 9 สวดมนตร์เปลี่ยนดวงชะตา
บทส่งท้าย

13ศาสตร์ชีวิตลิขิตฟ้า


เป็นการแนะนำ ศาสตร์ในการทำนายแขนงต่างๆ ทั้งโหราศาสตร์ไทย สากล จีน พม่า การดูเลข 7 ตัว และอีกหลากหลายแบบ เพื่อให้คุณรู้ว่าแต่ละแบบมีที่มาอย่างไรและมีความแม่นยำจริงหรือไม่ ช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะดูดวงชะตาชีวิตกับศาสตร์แขนงใด ท้ายเล่มยังได้บอกให้รู้ถึงกลเม็ดเด็ดพรายต่างๆ ถึง 108 วิธีที่หมอดูจะใช้หลอกคุณอีกด้วย


สารบัญหนังสือ
- เรื่องจริงของโหราศาสตร์
- เรื่องราวเกี่ยวกับหมอดู
- การแบ่งประเภทของศาสตร์ที่ใช้ในการดูดวง
- ความรู้เบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับดวงดาวและจักรวาล
- การพยากรณ์ที่อาศัยจักรวาลและดวงดาวในการทำนาย
- การพยากรณ์โดยอาศัยวิธีการอธิษฐานศาสตร์ (เสี่ยงทาย)...
- การพยากรณ์ที่อาศัยร่างกายในการทำนาย
- การพยากรณ์ด้วยการอาศัยพลังจิต
- ข้อคิดต่างๆ ก่อนที่จะไปดูดวง